ปวดฟันแล้วกินยา แต่ไม่ไปพบทันตแพทย์คือ การระเบิดเวลา
ปวดฟันแล้วกินยาแต่ไม่ไปพบทันตแพทย์ คือการวางระเบิดเวลา
- การทานยาเพื่อบรรเทาอาการปวด ถือว่าเป็นวิธียอดฮิตที่ใคร ๆ ก็ทำเพราะช่วยลดอาการปวดได้เป็นอย่างดี หรือในบางรายทานยาแก้ปวดไปแล้วอาการปวดฟัน ก็หายเป็นปลิดทิ้ง จึงทำให้การทานยาแก้ปวดกลายเป็นวิธีแรกที่ทำเมื่อเกิดอาการปวดฟัน แม้ว่าอาการปวดฟันจะหายไป แต่การกระทำนี้ก็เหมือนวางระเบิดเวลา
- ปวดฟันกินยา แต่ไม่ไปพบทันตแพทย์ ทำไมถึงเป็นระเบิดเวลา เนื่องจากการทานยาแก้ปวดนั้น ช่วยลดอาการปวดได้ในระยะสั้น หรือบางรายก็ไม่มีอาการปวด ทำให้หลายคนคิดว่าไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ในความเป็นจริงการทานยาเป็นแค่การบรรเทาอาการปวดเท่านั้น สาเหตุของโรคก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม ในระยะยาวอาการปวดอาจจะกำเริบ และร้ายแรงกว่าเดิม ดังนั้นเมื่อมีอาการปวดฟันจึงควรไปพบทันตแพทย์เพื่อทำการรักษา เพราะการรักษาที่ถูกจุดก็อาจจะไม่จำเป็นต้องทานยา
ข้อเสียของการซื้อยามาทานเอง
- ไม่ได้รักษาสาเหตุของโรค การใช้ยาแก้ปวดเพียงแค่บรรเทาอาการปวดชั่วคราว แต่ไม่ได้แก้ไขสาเหตุที่แท้จริง เช่น ฟันผุ โรคเหงือก หรือการติดเชื้อ ซึ่งอาจทำให้ปัญหารุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และการละเลยปัญหาอย่าง ฟันผุ หรือโรคเหงือก อาจทำให้ปัญหารุนแรงขึ้น เช่น การสูญเสียฟัน การละลายของกระดูกขากรรไกร หรือการเกิดโรคเรื้อรังในช่องปาก นอกจากนี้ การทานยาแก้ปวดไม่ได้ช่วยยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อโรค
- แพ้ยา บางรายอาจจะมีอาการแพ้ยาบางชนิด การทานยาเองอาจจะทำให้อาการแพ้กำเริบได้ ซึ่งทำให้เกิด ผื่นคัน หายใจลำบาก หากมีอาการแพ้ยารุนแรงอาจจะทำให้เกิดอาการช็อกได้
- ส่งผลเสียต่อร่างกาย หากซื้อยามาทานเอง บางรายอาจจะใช้ยาผิดวิธี ทานยาเกินขนาดส่งให้ตับทำงานหนัก ยาบางชนิดหากทานมากเกินไปอาจจะส่งผลทำให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร
เนื่องจากโรคฟันจะแสดงอาการก็ต่อเมื่อมีฟันเสียหายไปมากแล้ว หากฟันผุ อาการจะแสดงออกมาเมื่อผุใกล้โพรงประสาทฟัน ถ้าผุเล็กน้อยจะไม่มีแสดงอาการใด ๆ ฉะนั้นควรไปพบทันตแพทย์อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อตรวจฟันและรักษา หากทานยาแก้ปวด ไม่รีบรักษาเมื่อเกิดอาการก็อาจจะต้องรักษาแบบอื่น "จากค่าใช้จ่ายจากการอุดฟันหลักร้อย จะเปลี่ยนเป็นค่ารักษารากฟันหลักพันหลักหมื่นได้"