ความปลอดภัยคือหัวใจของวิชาชีพ
ความปลอดภัยคือหัวใจของวิชาชีพ
ในยุคที่การเข้าถึงบริการสุขภาพของประชาชนยังคงเป็นเป้าหมายสำคัญของระบบสาธารณสุขไทย
“โครงการรถทันตกรรมเคลื่อนที่” นับเป็นกลไกหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มโอกาสให้ประชาชนได้เข้าถึงการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะในเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นกลุ่มวัยที่ต้องได้รับการดูแลด้านสุขภาพช่องปากอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม ทันตแพทยสภาได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับรูปแบบการให้บริการเคลือบฟลูออไรด์เจลบนรถทันตกรรม ซึ่งสะท้อนถึงแนวทางการปฏิบัติงานที่อาจไม่เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย รวมถึงการดำเนินหัตถการต่าง ๆ อย่างเร่งรีบ ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพการรักษาและสุขภาพของผู้รับบริการ
การเคลือบฟลูออไรด์เจลเป็นหัตถการพื้นฐาน ซึ่งต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านความปลอดภัย ดังนี้
- ประเมินการบ้วนน้ำของเด็ก (โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี)
- การเลือกขนาดถาด(tray) อย่างเหมาะสม
- ปริมาณฟลูออไรด์เจล ไม่เกิน 2/5 ความของสูงถาด
- วางถาดครอบฟันบนและล่าง พร้อมใช้ที่ดูดน้ำลายตลอดเวลา 4 นาที
- หลังการเคลือบให้ดูดเจลส่วนเกิน และให้บ้วนเจลส่วนเกินออก
- งดบ้วนน้ำ งดน้ำและอาหาร เป็นเวลา 30 นาที
ทั้งนี้กระบวนการและวัสดุอุปกรณ์ที่ครบถ้วน เป็นไปเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายจากการกลืนฟลูออไรด์เจล ซึ่งเสี่ยงต่อการได้รับฟลูออไรด์เกินขนาด โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ไม่สามารถสื่อสารอาการผิดปกติได้ทันท่วงที
บทบาทของทันตแพทยสภา คือการกำกับ ดูแล ส่งเสริมมาตรฐานการรักษาทางทันตกรรม และตรวจสอบข้อร้องเรียน เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค และรักษาศักดิ์ศรีของวิชาชีพ มิได้มีเจตนาเพื่อจับผิดหรือกลั่นแกล้งผู้ประกอบวิชาชีพ หากแต่ดำเนินงานเพื่อรักษามาตรฐานที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และความยั่งยืนของวิชาชีพในระยะยาว
ทันตแพทยสภาจึงขอกำชับให้ผู้ประกอบวิชาชีพทุกท่านยึดมั่นในมาตรฐานวิชาชีพที่ดี ใส่ใจความปลอดภัยของผู้ป่วย และไม่ลดทอนมาตรฐานเพียงเพราะข้อจำกัดของเวลา หรือภารกิจเชิงปริมาณ
ขอเน้นย้ำด้วยความเคารพว่า
“ความรวดเร็ว” ไม่ควรอยู่เหนือ “ความปลอดภัย”
และ “จำนวนบริการ” ไม่ได้สำคัญมากไปกว่า “คุณภาพของงาน”
ทันตแพทยสภา วาระที่ 11
บทความโดย หมอฟันตัวกลม